วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2550

FON เครือข่าย Wi-fi ที่คุณใช้งานได้ฟรีทั่วโลก

จากแนวคิดริเริ่มที่บอกว่า "เมื่อคุณอยู่ที่บ้าน คุณเป็นราชาแห่ง Wi-fi เพราะคุณมี Wireless Access Point ของคุณเอง แต่พอคุณออกนอกบ้าน คุณจะกลายเป็นเพียงขอทาน Wi-fi ที่ต้องไปขออินเทอร์เน็ตคนอื่นใช้" ทำให้เกิดแนวคิด FON ซึ่งเป็นเครือข่าย Wi-fi ทั่วโลกที่สมาชิกสามารถเข้าไปใช้งานได้ฟรี

FON Concept

ผู้ที่เป็นสมาชิก FON จะถูกเรียกว่า Fonero เขาคือคนที่มี Wireless Access Point สำหรับใช้งานอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว แต่เขาไม่อยากใช้งานเพียงคนเดียว จึงแบ่ง bandwidth ส่วนหนึ่งให้คนอื่นสามารถเข้ามาใช้บริการได้ด้วย สิ่งที่เขาจะได้รับตอบแทนก็คือเขาก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตฟรีเวลาที่อยู่นอกบ้านได้เช่นกัน

FON แบ่งกลุ่มผู้ใช้งานออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเรียกว่า Linus คือคนใจดีที่แบ่งอินเทอร์เน็ตของตัวเองให้คนอื่นใช้งานได้ฟรีๆ กลุ่มที่สองเรียกว่า Bill คือคนที่ใจดีเฉพาะกับ Fonero ด้วยกัน แต่จะเก็บเงินค่าใช้อินเทอร์เน็ตจากคนที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายนี้ กลุ่มที่สามคือ Alien คือคนที่ไม่ใช่ Fonero แต่ต้องการขอใช้อินเทอร์เน็ตด้วย ก็สามารถซื้อ access pass จาก FON ได้ในราคาถูก และ FON ก็จะแบ่งรายได้ 50% ให้กับ Bill ที่เป็นเจ้าของ bandwidth ที่ Alien เข้าไปใช้

วิธีการที่คุณจะเข้าไปเป็น Fonero ก็ง่ายมาก เพียงแค่ซื้อ La Fonera ซึ่งเป็น Wi-fi router ในราคาเพียง $39.95 (ประมาณ 1,500 บาท) มาติดตั้งในบ้านของคุณ จากนั้นก็ลงทะเบียนเป็นสมาชิก FON เพียงแค่นี้เองครับ

ปัจจุบันนี้มีเครือข่าย FON อยู่ในทวีปยุโรปหนาแน่นมาก ถ้าคุณแบกโน้ตบุ๊กหรือพก PDA ไปเที่ยวยุโรป คุณจะหา Wi-fi ใช้งานได้ง่ายมาก ซึ่งเราสามารถค้นหาได้ว่ามี FON Spot อยู่ที่ไหนบ้างด้วยการใช้ FON Maps

สำหรับในประเทศไทยก็เริ่มมี FON Spot ให้เห็นบ้างแล้วครับ โดยในกรุงเทพมีอยู่ 4 จุดด้วยกัน อยู่ในย่านสีลม สามเสน สุขุมวิท และราชดำริ

สถานที่ในกรุงเทพที่มี FON Spot

ที่นี่แหละครับที่มี FON Spot อยู่บนชั้น 32 อาคาร ITF Silom Palace ตรงหัวมุมถนนสีลมตัดกับนราธิวาสราชนครินทร์ อยู่กึ่งกลางระหว่างรถไฟฟ้า BTS สถานีศาลาแดงและช่องนนทรี

มาดูในแง่ของธุรกิจกันบ้าง เทคโนโลยีแบบนี้จะมีทั้งผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ครับ

บางคนอาจจะสงสัยว่า FON ทำแบบนี้แล้วได้อะไร? router ก็ขายในราคาถูกมาก รายได้จากการขาย access pass ก็คงไม่ได้เยอะแยะอะไรนัก แต่ถ้าเราลองเข้าไปดูรายชื่อนักลงทุนของ FON เราจะเห็นทั้ง Skype และ Google ครับ

Skype ได้อะไรจาก FON? ให้เราลองนึกภาพว่า FON Spot ก็เหมือนเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และ Skype Phone ที่สามารถเชื่อมต่อ Wi-fi ได้ก็เหมือนกับเครื่องโทรศัพท์มือถือ เมื่อสองอย่างรวมกัน เราก็จะได้โครงข่ายโทรคมนาคมไร้สายที่เป็น Voice Over IP ที่มีค่าบริการถูกมาก และกลายเป็นคู่แข่งทางตรงกับ AIS, DTAC, True Move ลองนึกภาพจังหวัดใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพหรือเชียงใหม่ มี FON Spot ครอบคลุมทั้งเมือง และสามารถใช้ Skype Phone โทรหา Skype Phone ด้วยกันโดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สิครับ งานนี้ AIS กับ DTAC หนาวแน่ ส่วน True Move ได้วางเครือข่าย Hot Spot ไว้พอสมควรแล้ว ก็ยังพอมีทางหนีทีไล่อยู่บ้าง

แล้ว Google จะได้ประโยชน์อะไรจากเครือข่าย FON บ้างล่ะ? สิ่งที่ Google ปรารถนาที่สุดคือการพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคุณนั่งเล่นโน้ตบุ๊กอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง โดยต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน FON Spot แล้วเข้า Google เพื่อ search หาร้านขายรองเท้า Google จะแสดงผลลัพธ์ของร้านขายรองเท้าที่อยู่ในพื้นที่ที่คุณเชื่อมต่อ FON Spot อยู่ ซึ่งร้านขายรองเท้าทั้งหลายได้ปักหมุดบอกตำแหน่งของร้านตัวเองใน Google Map ไว้แล้ว นอกจากนี้ ถ้าร้านรองเท้าซื้อโฆษณา Google AdWords เอาไว้ด้วย Google ก็จะแสดงโฆษณาของร้านในบริเวณนั้นก่อนโฆษณาของร้านที่อยู่ในพื้นที่อื่น

ลองมองกลับมาที่คนธรรมดาอย่างเราๆ บ้างว่าจะสร้างธุรกิจจาก FON ได้อย่างไร? FON เปิดโอกาสให้เราเป็น Bill คนที่ขาย bandwidth ให้กับ Alien แล้วได้รับส่วนแบ่งรายได้ 50% รายได้นี้อาจจะไม่มากนัก แต่ก็น่าจะเพียงพอให้คุณเอาไปจ่ายค่าอินเทอร์เน็ต ADSL ได้ หรือถ้าคุณมีบ้านอยู่ในย่านที่มี Alien พลุกพล่าน ย่านธุรกิจ หรือย่านที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติพักอาศัยกันเยอะๆ คุณก็สามารถสร้างรายได้เสริมขึ้นมาได้โดยที่ไม่ต้องลงทุนเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ขึ้นมา

นอกจากนี้แล้ว FON ยังเปิดโอกาสให้คุณส่งโฆษณาไปแสดงบนหน้าจอบราวเซอร์ของเครื่องที่ขอติดต่อเข้า FON Spot ของคุณได้ด้วย คุณอาจจะไปติดต่อเจ้าของร้านค้าที่อยู่ในละแวกบ้านคุณ และเสนอขายโฆษณาให้พวกเขาก็ได้ แล้วถ้าเครือข่ายของ FON ใหญ่ขึ้น ก็จะมีธุรกิจเอเจนซี่โฆษณาที่จะช่วยหาลูกค้ามาให้คุณโดยที่คุณไม่ต้องวิ่งขายโฆษณาเอง

นี่คืออีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังจะสร้างผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตเรา แต่เทคโนโลยีนี้จะเกิดขึ้นในไทยได้หรือไม่ และอีกนานแค่ไหนถึงจะเกิด คงต้องคอยดูกันต่อไป

1 ความคิดเห็น:

PoomK กล่าวว่า...

ผมว่าผู้เสียประโยชน์อีกกลุ่มหนึ่งคือ ISP นะครับ
ผมไม่มั่นใจว่าในทางกฏหมายแล้วการแชร์อินเตอร์เน็ตแบบนี้ถือว่าผิดหรือเปล่า เนื่องจากเราทำสัญญากับทาง ISP ว่าจะใช้ส่วนตัว