วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2550

Game Theory ของ eBay และ Google

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน บล็อก Google Checkout ได้เผยแพร่ข่าวงาน Google Checkout Freedom Party ซึ่งจะจัดขึ้นในเย็นวันที่ 14 มิถุนายน ที่ Old South Meeting House ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Boston Convention & Exhibition Center มากนัก Google โฆษณาว่างานนี้มีทั้งอาหารฟรี เครื่องดื่มฟรี ไลฟ์มิวสิคฟรี แม้กระทั่งนวดฟรี

แต่มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า เพราะ eBay มีงานใหญ่ยักษ์ประจำปี ก็คืองาน eBay Live! 2007 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 16 มิถุนายน ที่ Boston Convention & Exhibition Center

งานนี้ Google หวังว่าคนเข้าสัมมนา eBay Live! ตอนกลางวันเสร็จแล้ว จะได้มาแจมกับ Google Party ตอนกลางคืนต่อได้เลย

Google Checkout เป็นบริการ Payment Gateway ที่ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าสามารถรับจ่ายเงินกันได้สะดวก ซึ่งไม่ต่างอะไรกับ PayPal ซึ่งเป็นบริการ Payment Gateway ของ eBay จึงอาจเรียกได้ว่า Google Checkout และ PayPal เป็นคู่แข่งทางตรงกันเลย

ยอดขายสินค้าบน eBay ในไตรมาสแรกปี 2007 สูงถึง 14,280 ล้านเหรียญ ถ้าคิดทั้งปีก็สูงกว่างบประมาณประเทศไทยเสียอีก ขณะที่มียอดชำระเงินผ่าน PayPal ถึง 11,360 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 6% ของมูลค่า E-commerce ทั้งโลก

Google ถึงได้อยากเข้ามามีส่วนร่วมเหลือเกิน

แต่หนทางนี้ก็ไม่ง่ายนัก เพราะเมื่อปีที่แล้วในเดือนมิถุนายน eBay ได้ประกาศแบน Google Checkout ด้วยการห้ามผู้ขายสินค้าบน eBay ใช้บริการ Google Checkout เพื่อรับชำระเงินจากลูกค้า ด้วยเหตุผลที่ฟังดูแปร่งๆ หน่อยคือ eBay ไม่รับรองบริการชำระเงินที่ไม่มีประวัติการให้บริการที่ยาวนานพอ

เมื่อเล่นกันบนดินไม่ได้ Google ก็เลยใช้เทคนิค Guerilla Marketing ด้วยการประกาศจัดงาน Google Checkout Freedom Party ขึ้นมา ชู concept ของงานว่าทุกคนมีอิสระเสรีภาพที่จะเลือกใช้ระบบ Payment Gateway ของรายใดก็ได้ ไม่ควรจะผูกขาดอยู่กับเพียงรายเดียว และตั้งใจจัดงานตรงกับงาน eBay Live! ในสถานที่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ผู้ขายสินค้าบน eBay เข้าร่วมงานของ Google ด้วย และ Google ก็จะได้โปรโมทบริการ Google Checkout ของตัวเองได้เต็มที่ ให้รู้กันไปเลยว่าดีกว่าบริการของ PayPal อย่างไร

แน่นอนว่า eBay คงไม่อยู่เฉยๆ ก็เลยตอบโต้กลับไปอย่างรุนแรงด้วยการถอดโฆษณาของ eBay ทั้งหมดออกจาก Google AdWords ในอเมริกา

จากรายงานประจำปีของ eBay ในปี 2006 eBay มีค่าใช้จ่ายด้านการโฆษณาทั้งในสื่อออนไลน์และออฟไลน์รวมทั้งสิ้น 871 ล้านเหรียญ ขณะที่รายได้จากโฆษณาของ Google ในปี 2006 รวมทั้งสิ้น 10,492 ล้านเหรียญ ถ้าเราลองประเมินดูว่าครึ่งหนึ่งของค่าโฆษณาของ eBay ถูกจ่ายให้ Google นั่นแปลว่า 4% ของรายได้ของ Google มาจาก eBay

ตัวเลขงบโฆษณาของ eBay ที่จ่ายให้ Google ที่แท้จริงจะเป็นเท่าไหร่ คงต้องไปหางบการเงินแบบละเอียดของ eBay มาดู แต่เราก็พอจะเดากันได้จากสิ่งที่ Google ทำต่อมาก็คือการประกาศยกเลิกงาน Freedom Party นั่นแปลว่าการถอดโฆษณาออกคงส่งผลกระทบต่อ Google พอสมควร

จริงๆ แล้ว Google กับ eBay ก็เหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า Google ช่วย supply traffic ให้แก่ eBay ทำให้ eBay มี community ซื้อขายสินค้าและสามารถเก็บค่าธรรมเนียมการขายได้ ส่วน eBay ก็จ่ายเงินค่าโฆษณาให้แก่ Google ซึ่ง Google ก็นำไปจ้างวิศวกรเก่งๆ มาพัฒนาเว็บไซต์ต่อไป

สงครามระหว่าง eBay และ Google นั้นสามารถอธิบายได้ด้วย Game Theory

Game Theory of eBay and Google

จากตาราง ถ้าทั้งคู่ต่างอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร ทั้งสองฝ่ายก็เป็นคู่ค้าที่ดีต่อกันต่อไป eBay ก็มี traffic เข้าเว็บ Google ก็มีรายได้ สิ่งที่ทั้งคู่ได้รับแทนด้วยคะแนน +5

วันหนึ่ง Google เกิดนึกอยากรุกเข้าไปในธุรกิจ Payment Gateway บ้าง เพราะหวังว่าจะทำให้ตัวเองมีรายได้เพิ่ม (+10) การทำแบบนี้จะทำให้ eBay เสียผลประโยชน์ (-5) เนื่องจากเสียส่วนแบ่งรายได้ PayPal

eBay ก็เลยต้องตอบโต้กลับ กลายเป็นว่าทั้งคู่ต่างก็เสียผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย (-10) Google ก็เลยถอยก่อน

สถานการณ์ของเกมนี้จะเปลี่ยนไป ถ้าวันหนึ่ง Google สามารถเพิ่มรายรับและจำนวนลูกค้า AdWords ได้มากพอที่จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ถึงแม้ว่า eBay จะถอนโฆษณาไปก็ตาม คะแนนก็จะเปลี่ยนไปดังตารางนี้

Game Theory of eBay and Google

ถ้า Google รุกราน แต่ eBay ยังนิ่งเฉย Google ก็จะได้ +10 แต่ถ้า eBay ตอบโต้ Google ก็ยัง +9 อยู่ เพราะได้กระจายความเสี่ยงทางด้านรายรับไว้แล้ว

ขณะที่ถ้ามองจากทาง eBay เมื่อถูก Google รุกราน eBay จะทำได้เพียงกัดฟันและนิ่งเฉยไว้ เพราะถ้า eBay ตอบโต้ จะเสียถึง -10 แต่ถ้าอยู่เฉยๆ ยังเสียแค่ -5

กลยุทธ์ของ eBay หลังจากนี้ก็คือต้องกระจายความเสี่ยงเรื่อง traffic source ต้องพยายามหาวิธีทำให้คนเข้าเว็บด้วยวิธีอื่นที่ไม่ต้องพึ่ง Google ให้ได้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายเลย ตราบเท่าที่ Google ยังครอง market share เป็นเบอร์หนึ่งในตลาด search engine และยังสูงขึ้นเรื่อยๆ

ผมเชื่อว่าวันหนึ่งเกมจะเปลี่ยนไป ถ้า eBay ยังหา traffic source ที่ดีกว่า Google ไม่ได้ Google ก็จะได้ใจมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการเสนอค่าบริการ Google Checkout ที่ถูกกว่า PayPal และยัง Convergence กับบริการอื่นๆ ของ Google อีกด้วย เพื่อดึงดูดให้คนหันมาใช้ Google Checkout กันมากขึ้น และถ้ามีผู้ใช้มากจนถึงจุดหนึ่ง Google อาจจะเปิดบริการ Auction ฟรีเพื่อแข่งกับ eBay เลยก็ยังได้

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เจ๋งไปเลยฮะ งี้ google ก็เป็นเจ้าโลกแล้วดิ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมกลับคิดว่า Scenario อันขวาบน คือ ebay ตอบโต้และ กูเกิ้ลนิ่งเฉย ทั้งสองอันที่ eBay +10 นี่ไม่น่าเป็นไปได้นะครับ เพราะ eBay เองคงไม่มีทางถอด Ad Words ออกเองแน่นอน แต่ที่ต้องทำเป็นเพราะว่าโดนรุกราน เหตุที่eBayทยังงี้ได้เพราะ First Mover Advantage ของทาง eBay มากกว่า ที่ทำ Paypal ไปก่อนแล้วทำให้มีอำนาจต่อรองและสมาชิกมากกว่าทางกูเกิ้ล ผมเห็นว่าการที่ ebay จะถอด Ad Wordsออก นี่คงจะเป็น 0 มากกว่านะครับ ไม่น่าจะ +10 เพราะ ทางนึงลดค่าใช้จ่ายการโฆษณา แต่ทางนึงก็สูญเสียTrafficและรายได้ที่พึงจะได้จากทราฟฟิคเหล่านั้น แต่ถ้าในระยะยาว ก็คงเป็นจริงอย่างที่วิเคราะห์ครับว่า กูเกิ้ลมี potential มากกว่าเพราะยังเป็นเจ้าตลาด Search Engine อยู่ซึ่งถ้าสมมติ msn กับ yahoo และ ask กระโจนลงมาทำเหมือน Google ผมว่า paypal ก็คงแย่เหมือนกัน